เสือมังกรVSบาคาร่า แตกต่างแต่เหมือนกัน พร้อมแล้วไปดู

เสือมังกรVSบาคาร่า แตกต่างแต่เหมือนกัน พร้อมแล้วไปดู

เสือมังกรVSบาคาร่า สำหรับมือใหม่หัดเล่น คาสิโนออนไลน์ บางคนก็มีอาการสับสนกับเกมไพ่หลายสำรับอย่างไพ่ เสือมังกร กับไพ่ บาคาร่า อาจเป็นเพราะว่าทั้งการโฆษณา ทั้งรูปแบบการเล่นมันคล้ายกัน มีทั้งการเดิมพันว่าฝั่งไหนจะชนะวันนี้ แทงหวย 24 จะพาไปรู้จักกับความแตกต่างระหว่างไพ่ทั้งสองนี้กันครับว่ามันต่างกันอย่างไร เล่นยังไง ไปดูกันเลย

เสือมังกรVSบาคาร่า

ความแตกต่าง เสือมังกรVSบาคาร่า

เสือมังกร

เริ่มต้นกันที่ไพ่ เสือมังกร ไพ่นี้จะมีความคล้ายกับ บาคาร่า ก็ตรงที่ใช้ไพ่หลายสำรับในการเล่น (ประมาณ 5 – 7 สำรับ) โดยการเล่นจะแบ่งออกเป็นสองฝั่งคือ ฝั่งเสือ (Tiger) และฝั่งมังกร (Dragon) สำหรับนักเดิมพันอย่างเรา ๆ ก็มีหน้าที่แค่วางเดิมพันว่าฝั่งไหนจะชนะ

ความแตกต่างอย่างแรกที่เห็นได้ชัดคือจำนวนไพ่ที่ใช้ในการเล่น ดีลเลอร์จะทำการแจกให้ฝั่งละ 1 ใบเท่านั้น โดยที่ฝั่งไหนมีแต้มเยอะสุดจะเป็นฝ่ายชนะ ซึ่งการนับแต้มจะเริ่มตั้งแต่ไพ่ A= 1 แต้ม, ไพ่ที่เป็นตัวเลขจะมีจำนวนแต้มเท่ากับเลขหน้าไพ่, ไพ่ J = 11 แต้ม, ไพ่ Q = 12 แต้ม และสุดท้ายคือไพ่ K จะมีแต้มมากที่สุดคือ 13แต้ม

และเนื่องจากเป็นเกมไพ่ที่ใช้ไพ่ใบเดียวในการชี้ผลแพ้ชนะ ก็เลยทำให้ระยะเวลาในการวางเดิมพันมีเพียงแค่ไม่กี่วินาที จึงทำให้ เสือมังกร เป็นเกมพนันใน คาสิโนออนไลน์ ที่ใช้เวลาเล่นน้อยที่สุด

เสือมังกร วิธีการวางเดิมพันและอัตราการจ่าย

สำหรับไพ่ เสือมังกร จะมีวิธีการวางเดิมพัน และอัตราการจ่ายเมื่อเราชนะดังนี้ครับ

  • เสือ (Tiger)เป็นการทายว่าฝั่งเสือจะชนะ โดยฝั่งเสือจะต้องมีแต้มมากกว่าฝั่งมังกร อัตราการจ่ายอยู่ที่ 1 : 1
  • มังกร (Dragon) เป็นการทายว่าฝั่งมังกรจะชนะ โดยฝั่งมังกรจะต้องมีแต้มมากกว่าฝั่งเสือ อัตราการจ่ายอยู่ที่ 1 : 1 เหมือนกัน
  • เสมอ (Tie)เป็นการทายว่าผลที่ออกมาทั้งสองฝั่งจะเสมอกัน โดยฝั่งเสือและฝั่งมังกรจะต้องได้แต้มเท่ากันเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมีดอกไพ่เหมือนกัน สำหรับอัตราการจ่ายเมื่อแทงฝั่งเสมอจะสูงถึง 1 : 8 เลยทีเดียว
  • เสือคู่ เป็นการทายว่าฝั่งเสือจะได้ไพ่แต้มคู่ อัตราการจ่ายอยู่ที่ 1 : 1 แต่ถ้าฝั่งเสือได้แต้มคี่หรือมีอยู่ 7 แต้ม เราก็จะเสียเดิมพันไป
  • เสือคี่ เป็นการทายว่าฝั่งเสือจะได้ไพ่แต้มคี่ อัตราการจ่ายอยู่ที่ 1 : 1 แต่ถ้าฝั่งเสือได้แต้มคู่หรือออก 7 แต้ม แบบนี้เราจะไม่ได้รับรางวัล
  • มังกรคู่ คล้ายกับการแทงเสือคู่คือฝั่งมังกรจะต้องได้แต้มคู่เท่านั้นถึงจะชนะ ถ้าหากออกมาเป็นแต้มคี่หรือได้ 7 แต้ม ก็จะถือว่าแพ้ อัตราการจ่ายคือ 1 : 1
  • มังกรคี่ คล้ายกับการแทงเสือคี่ อัตราการจ่ายอยู่ที่ 1 : 1 ซึ่งฝั่งมังกรจะต้องได้ไพ่แต้มคี่เท่านั้นถึงจะชนะ ยกเว้นการได้ 7 แต้ม จะถือว่าแพ้เหมือนกับการได้ไพ่แต้มคู่

บาคาร่า

มาต่อกันที่ บาคาร่า กันบ้างครับ อย่างที่บอกไปแล้วว่าไพ่สองชนิดนี้มีจุดไหนที่เหมือนกันบ้าง ทีนี้เรามามองกันที่จุดต่างแรก นั่นก็คือไพ่ชนิดนี้จะแจกให้ฝั่งผู้เล่น (Player) และฝั่งเจ้ามือ (Banker) ฝั่งละ 2 ใบก่อน จากนั้นจะมาวัดแต้มกันว่าฝั่งไหนจะได้แต้มใกล้เคียงกับ 9 แต้มมากที่สุด (แต้มสูงสุดของเกมนี้คือ 9 แต้ม) ซึ่งวิธีการนับแต้มไพ่ บาคาร่า จะนับกันตามนี้

  • ไพ่ 10 และไพ่ J, Q, K มีค่าเท่ากับ 0 แต้ม
  • ไพ่ A มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม
  • ไพ่ที่มีหน้าไพ่เป็นตัวเลข มีแต้มเท่ากับหมายเลขหน้าไพ่

สำหรับการนับแต้มไพ่จะนำไพ่สองใบแรกที่ได้รับมารวมกัน แล้วเอาเฉพาะเลขหลักหน่วยมาวัดกัน เช่น A+9 = 10 จะถือว่าได้ 0 แต้ม หรือ 5+8 = 13 จะถือว่าได้ 3 แต้ม เป็นต้น

นอกจากนี้ บาคาร่า ยังมีกฎเกี่ยวกับการจั่วไพ่ใบที่ 3 อยู่ด้วยซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างซับซ้อน ทางเจ้ามือหรือผู้แจกไพ่จะเป็นคนคอยดูแลตรงนี้ว่าเมื่อไร ตอนไหน ฝ่ายไหนถึงจะได้จั่วไพ่ใบที่ 3 แม้ว่าเราไม่จำเป็นต้องจำ ก็ควรจะศึกษาเกี่ยวกับการจั่วไพ่ใบที่ 3 ไว้ด้วยครับ เพราะมีหลายคนมักจะเข้าใจผิดคิดว่าถูกเจ้ามือโกง อันที่จริงแล้วเป็นเพราะตัวเองเข้าใจผิด แล้วก็ไม่ไปศึกษาหาข้อมูลตรงนี้ด้วย

บาคาร่า จ่ายแบบไหน

การเล่น บาคาร่า จะมีวิธีการวางเดิมพัน และอัตราจ่ายดังนี้

  • ผู้เล่น (Player)เป็นการทายว่าฝั่งผู้เล่นจะชนะ อัตราจ่ายอยู่ที่ 1 : 1
  • เจ้ามือ (Banker)เป็นการทายว่าฝั่งเจ้ามือจะชนะ อัตราจ่ายอยู่ที่ 1 : 1
  • เสมอ (Tie)เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะได้แต้มเท่ากัน อัตราจ่ายคือ 1 : 1
  • ผู้เล่นคู่ เป็นการทายว่าไพ่ 2 ใบแรกของฝั่งผู้เล่นจะมีหน้าไพ่เหมือนกัน อัตราจ่ายคือ 1 : 11
  • เจ้ามือคู่ เป็นการทายว่าไพ่ 2 ใบแรกของฝั่งเจ้ามือจะมีหน้าไพ่เหมือนกัน อัตราจ่ายคือ 1 : 11
  • ผู้เล่นป๊อก 8 เป็นการทายว่าแต้มรวมของไพ่ 2 ใบแรกฝั่งผู้เล่นจะมีแต้มเท่ากับ 8 แต้ม อัตราจ่ายคือ 1 : 8
  • ผู้เล่นป๊อก 9เป็นการทายว่าแต้มรวมของไพ่ 2 ใบแรกฝั่งผู้เล่นจะมีแต้มเท่ากับ 9 แต้ม อัตราจ่ายคือ 1 : 8
  • เจ้ามือป๊อก 8 เป็นการทายว่าแต้มรวมของไพ่ 2 ใบแรกฝั่งเจ้ามือจะมีแต้มเท่ากับ 8 แต้ม อัตราจ่ายคือ 1 : 8
  • เจ้ามือป๊อก 9เป็นการทายว่าแต้มรวมของไพ่ 2 ใบแรกฝั่งเจ้ามือจะมีแต้มเท่ากับ 9 แต้ม อัตราจ่ายคือ 1 : 8
  • เล็ก (Small)เป็นการทายว่าเกมรอบดังกล่าวจะสามารถจบด้วยไพ่ 4 ใบ (คือไม่มีการจั่วไพ่ใบที่ 3) อัตราจ่ายคือ 1 : 0.5
  • ใหญ่ (Big)เป็นการทายว่าเกมจะจบด้วยไพ่ 5-6 ใบ (คือมีการจั่วไพ่ใบที่ 3) อัตราจ่ายคือ 1 : 1.5
  • ซุปเปอร์ 6+ เป็นการทายว่าฝั่งที่ชนะจะชนะด้วยแต้ม 6 แต้ม หากชนะด้วยไพ่ 2 ใบแรก อัตราจ่ายคือ 1 : 12 แต่ถ้าชนะด้วยไพ่ 3 ใบ อัตราจ่ายคือ 1 : 18

สรุปเสือมังกรVSบาคาร่า

มาถึงตรงนี้หลายคนคงจะเข้าใจและเห็นภาพกันแล้วว่า เสือมังกร กับ บาคาร่า ต่างกันตรงไหน แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือเรื่องของสูตรเดินเงินที่ทางฝั่งบาคาร่าจะมีให้เลือกใช้มากกว่า ตรงนี้เพื่อน ๆ สามารถไปศึกษาเพิ่มเติมกันได้ แม้มันจะไม่ทำให้เรามีโอกาสชนะเพิ่มขึ้น แต่มันจะช่วยให้เราทำกำไรได้มากยิ่งขึ้นแน่ถ้าเราเป็นฝ่ายชนะ และสามารถทำเงินจากการเล่น คาสิโนออนไลน์ได้เร็วขึ้นอีกด้วย ส่วนใครที่ชอบสาย เสือมังกร ก็สามารถเอาไปใช้ได้เหมือนกัน

สามารถติดตามบทความดีๆได้ที่นี่